พันธุ์กบที่นิยมมาเพาะเลี้ยง - กระชัง ปลา-กบ

เราคือ ผู้ผลิต และ จัดจำหน่าย ระชังเลี้ยงปลา-ก
เราคือ ผู้ผลิต และ จัดจำหน่าย กระชังปลา-กบ
เราคื ผู้ผลิต และ จัดจำหน่าย  กระชังเลี้ยงปลาสำเร็จรู
กระชังบกสำหรับเลี้ยงกบ บ่อปลาสำเร็จรูป กระบะเลี้ยงจิ้งหรีด

เราคือ ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย  กระชังเลี้ยงปลาสำเร็จรูปกระชังบกสำหรับเลี้ยงกบบ่อปลาสำเร็จรูปกระบะเลี้ยงจิ้งหรีด

Go to content

พันธุ์กบที่นิยมมาเพาะเลี้ยง

บทความ > การเลี้ยงกบ
พันธุ์กบที่นิยมนำมาเพาะเลี้ยง
กบส่วนใหญ่ที่เกษตรกรให้ความสนใจและกระแสตอบรับอย่างแรงก็คือ “กบนา” เนื่องจากกบนาเป็นกบที่มีความเจริญเติบโต เร็ว ถ้าเลี้ยงอย่างถูกต้องตามวิธีการ ใช้เวลา เพียง 4-5 เดือน ก็จะได้กบขนาด 4-5 ตัว/ กิโลกรัม โดยมีอัตราการแลกเปลี่ยนอาหาร 3.4 กิโลกรัม ได้เนื้อกบประมาณ 1 กิโลกรัมและที่สำคัญกบนายังเป็นกบที่มีผู้นิยม และ เป็นที่ต้องการของตลาด ทังในและต่าง ประเทศกันอย่างมาก บวกกับรสชาติของเนื้อกบที่อร่อยมากกว่ากบพันธุ์อื่นๆ ลักษณะของ กบนานั้นตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย ส่วนที่เห็นได้ชัดก็คือ เมือจับพลิกหงายขึ้น ก็ เห็นมีกล่องเสียง อยู่ใต้คางแถวๆมุมปากล่าง ของทังสองข้าง ในช่วงของฤดูผสมพันธุ์กบตัวผู้จะชอบเป็นผู้ส่งเสียงร้องและในขณะที่ร้องนั้น ส่วนของกล่องเสียง ก็จะพองโต และ ใส ส่วนกบตัวเมียนั้น จะไม่มีกลองเสียง เหมือนกับกบตัวผู้ ถ้าอยู่ในช่วงของฤดูกาลผสมพันธุ์กบตัวเมียจะมีไข่แก่ (ท้องแก่) การ สังเกตก็จะเห็นท้องที่มีอาการบวมและใหญ่กว่าปกติ ขณะเดียวกันกบตัวผู้ก็จะส่งเสียง ร้องบ่อยครั้ง และสีของลำตัวจะออกเป็นสี เหลืองอ่อน หรือมีสีเหลืองที่ได้ขา จะเห็นได้ ชัดกว่าตัวเมีย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สีของกบ จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสิ่งแวดล้อม และ ที่อยู่อาศัยได้เหมือนกัน

สำหรับกบที่นิยมนำมาเพาะเลี้ยงอีกสายพันธ์ ก็คือ “กบบลูฟร็อก” กบสายพันธุ์ ชนิดนี้จะมีความแตกต่างไปจากกบนาอย่างเห็นได้ชัด โดยจะมีผิวหนังส่วนใหญ่เรียบ

แต่จะมีบางส่วนขรุขระ และจะเป็นสี นำตาลปนเขียว มีจุดสีนำตาล ลักษณะเด่นที่ เห็นได้ชัดก็คือส่วนที่หัวจะเป็นสีเขียวเคลือบ น้ำตาล และที่ข้างท้องมีลายสีน้ำตาลใต้ท้อง เป็นสีขาว ขาทั้งสีเป็นลายดำ ลำตัวอ้วนโดย เฉพาะส่วนที่ท้องจะมีลักษณะใหญ่กว่ากบนา กบที่โตเต็มที่จะมีลักษณะกระเดียดไปทางอึงอ่าง ด้วยรูปลักษณะประจำตัวเช่นนี้ จึงเป็นเหตุทำให้กบชนิดนี้ไม่ค่อยมีจำหน่ายในท้อง ตลาดสดสักเท่าไร เพราะนอกจากจะมีรูปร่าง ลักษณะที่ไม่น่าชวนชื่อมารับประทานแล้ว ประกอบกับรสชาติของเนื้อกบบลูฟร็อกนั้น ขาดรสชาติ และด้อยคุณภาพกว่ากบนาเป็น เป็นอย่างมากอีกด้วย ส่วนลักษณะของกบ ตัวผู้นั้น จะมีแก้วหูเล็กกว่าตา กบบลูฟร็อก ทุกพันธุ์ใต้คางจะเป็นสีเหลืองส่วนกบตัว เมียจะเห็นวงแก้วหูเล็กกว่าตา สำหรับท่านใด ที่คิดจะเลี้ยง บลูฟร็อก สิ่งสำคัญจะต้องคำนึงที่คิดจะต้องคำนึงถึงตลาดรับซื้อให้ดีเสียก่อน ถ้าท่านไม่มีตลาด ต่างประเทศรองรับ หรือไม่ใช่พื้นที่ที่เป็น แหล่งท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศแล้ว ควรเปลี่ยนและตัดสินใจเลี้ยงกบนาจะเป็นการดีกว่า ซึ่งกบนานั้น มีตลาดทั้งใน และต่างประเทศอีกทั้งระยะเวลาเลี้ยงก็สั้นน้อยกว่า อีกเป็นไหนๆ

No comments
Back to content