ลูกกบกระโดด
บทความ > กบฝ่าวิกฤต
พออายุได้ 20 วัน จะงอกขาหลัง อีก 3วัน ต่อมาจะงอกขาหน้า และ จากนั้นประมาณ 7-13 วัน ห่างจะค่อยๆ หดหายจนหมด เมื่อขาหลังเจริญสมบูรณ์หางก็หายไป ปากก็สมบูรณ์กินอาหารได้
กบนาจะใช้เวลา 30-40 วัน ในการเป็นลูกกบที่เรียกว่า ”ลูกกบกระโดด” ขึ้นอยู่บนแผ่นกระดานหรอแผนยางพาราได้ แล้ว จะเจริญเติบพันธุ์อีก 8 - 12 เดือนข้างหน้า
อายุ 3-7 วัน ให้อาหารเช่นไรแดง ไข่ตุ๋น และอาหารเม็ดตามลำดับ ให้วันละ 5 ครั้ง
อายุ 7 - 21 วัน เริ่มเพิ่มอาหารไห้มากขึ้น สังเกตการกินอาหารของลูกอ๊อด ถ้าการกินยังดีอยู่ให้เพิ่มอาหารที่ละน้อยจนกว่าจะพอ ตอนนี้ยงให้วันละ 5 ครั้ง
อายุ 21 – 30 วัน ให้อาหารเม็ด 4 มื้อต่อวัน
อายุ 1 - 4 เดือน ให้อาหารเม็ด 2 มื้อต่อวัน
อาหารต้องให้เพิ่มตามน้ำหนักตัวและขนาดของลูกกบในบ่อลูกอ๊อดต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวัน วันละประมาณ 70 เปอร์เซนต์ของบ่อ พัฒนาการของลูกอ๊อดเมื่อขาหลังเริ่มงอกต้องลดระดับน้ำในบ่อลงมาอยู่ที่ระดับความลึกประมาณ 5-10 เซนติเมตร
ลูกอ๊อดเมื่อพัฒนาเป็นลูกกบมีขาหน้าเต็มที่จะมีขนาดตัวไม่เท่ากัน เนื่องจากกินอาหารไม่เท่ากัน ผู้เลี้ยงต้องคัดแยกเอาลูกกบที่มีขนาดเท่ากันเลี้ยงรวมกัน ที่ตัวใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าแยกออก
ลูกกบอายุ 1 เดือนเป็นตัวเต็มวัย ระยะนี้ในบ่อต้องหาไม้หรือทำแพลอยน้ำ ให้ลูกกบขึ้นไปอยู่ด้วย ปริมาณการเลี้ยงอนุบาลลูกกบวัยเดียวกันต่อพื้นที่เลี้ยง
ลูกกบอายุ 7 วัน อนุบาลและการปล่อยเลี้ยง 2,000 ตัวต่อตารางเมตร
ลูกกบอายุ 8 – 14 วัน อนุบาลและการปล่อยเลี้ยง 1,500 ตัวต่อตารางเมตร
ลูกกบอายุ 15 – 25 วัน อนุบาลและการปล่อยเลี้ยง 800 ตัว ตัวต่อตารางเมตร
ลูกกบอายุ 26-30 วัน อนุบาลและการปล่อยเลี้ยง 500 ตัว ตัวต่อตารางเมตร
ลูกกบอายุ 1 - 4 เดือน อนุบาลและการปล่อยเลี้ยง 100 – 150 ตัวต่อตารางเมตร
ดังนั้นถ้าซื้อลูกกบอายุ 1 เดือนมาเลี้ยงในบ่อขนาด 4x4 จะเลี้ยงลูกกบได้ 2,500 - 3,000 ตัวต่อบ่อ
พ่อแม่พันธุ์กบหลังจับไปขุนในโรงเรือน ให้อาหาร ให้วิตามินเสริม บำรุงสุขภาพกันอย่างดี ถ้าเป็นหน้าฝนราว 1 - 2 สัปดาห์ ก็สามารถผสมพันธุ์ได้อีก ให้คลำดูที่ท้องแม่พันธุ์ ถ้ามีเม็ดสากๆ ท้องนูนๆ แสดงว่าแม่กบพร้อมผสมพันธุ์แล้ว ส่วนพ่อกบพอได้บรรยากาศฝนพร่ำบนหลังคาจะร้อง สู้ ๆ ๆ ๆ ทันที
ข้อแนะนำก็คือ ขณะที่แม่กบอยู่ในวัยผสมพันธุ์และกำลังให้ไข่อยู่นั้น อย่าให้แม่กบโดนฝนเป็นอันขาด เพราะเมื่อแม่กบได้น้ำฝนจะไข่ทันที เป็นการไข่ทิ้ง ถึงตอนนั้นไปนำพ่อกบมาทับก็ไม่ทันการณ์แล้ว ดังนั้นจึงต้องต้องทำโรงเรือนเก็บแม่กบไม่ให้โดนฝน แต่ให้ได้ยินเสียงฝนเร้าใจไปพลางๆ จนกว่าจะได้รับการผสมจากหนุ่มๆ ที่อยู่บ้านข้างเรือนเคียง
No comments