เลือกดูสถานที่ที่ปลอดภัย
บทความ > กบฝ่าวิกฤต
กบ ตัวไหนที่รอดตายตอนเดือนหก แต่กับเดือนอื่นๆ ทุกเดือนกบต้องหลบๆซ่อนๆ ตัวอยู่ดี เมื่อชีวิตของกบมีภัยถูกจับกินทุกวัน เจ้าลูกอ๊อดโตไม่ทัน แถมกลสาวก็ถูกกินเช่นกัน ประชากรกบจึงน้อยลงจนทุกวันนี้ พม่าแทงกบไม่ได้ก็ต้องซื้อกบในตลาดกิน เมื่อปริมาณกบตามธรรมชาติน้อยลง แต่ยังมีคนกินกบเหมือนเดิม และนับวันจะเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากมีขี้เมารุ่นใหม่ก้าวเข้ามาเสริมขี้เมารุ่นเก่า แถมนิยมกินกบซะอีก กบเลยหายากขึ้น
เมื่อกบหายากและมีน้อย มนุษย์จึงคิดเลี้ยงกบเพื่อจับกิน การเลี้ยงกบเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องสร้างสถานกักกันกบหรือสร้างบ้านให้กับกบ ด้วยเหตุนี้กบจึงมีบ้านอยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง มีชีวิตเจริญเติบโตอยู่กับพวกเป็นหมู่มากได้ โดยไม่ต้องคอยหลบระแวงภัยจากศัตรูในธรรมชาติอีกต่อไป ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายในบ้านหรือบ่อที่เป็นสถานกักกัน แถมมีกบสาวให้อ๊บ อ๊บ ดับเบิ้ลคลิกอีก สุขสำราญสบายเหนียง อยู่ได้ 3-4 เดือน ท้ายสุดของชีวิตกบ ก็มาแปรเป็นผัดกระเพรากบ ยำกบ กบทอดกรอบ หรือไม่ก็แกงกบ เป็นวัฏจักรเวียนว่ายอยู่ในฟาร์มกบเช่นนี้
ขนาดมืดๆ มีเพียงเตือนหงายกับตะเกียง 1 ดวง พม่ายังตึกบถูกเลย กลายเป็น “เพลงพม่าแทงกบ” บทเพลงเก่าแก่ในอดีตที่นักร้องรุ่นคุณปู่นุ่งกางเกงหูรูดร้องไว้ เป็นบทเพลงอมตะจนทุกวันนี้
คราวนั้นชาวไร่ ชาวนา ชาวทุ่ง ต่างก็โต้แย้งว่า ตนเองก็ดีกบเป็นอยู่กลางนาท่ามกลางเดือนหงายไม่ต้องมีตะเกียงก็ดีกบได้ ทำไมจึงไม่มี “เพลงชาวไร่ ซาวนา ชาวทุ่งแทงกบบ้าง” ในเรื่องนี้กูรูท่านหนึ่งบอกว่า พม่าไม่ได้เดนตีกบแบบธรรมดา พม่านั้นขี่ควายแทงกบกลางดึก แถมมือหนึ่งต้องถือตะเกียงส่องกบ อีกมือหนึ่งก็ถือหอกเพื่อแทงกบ พม่าไม่ตกควายหงายท้องโสร่งบานก็บุญแล้ว ดังนั้นพม่าจึงเหนือชั้นกว่าต้องแต่งเพลงชม
เลือกดูสถานที่ที่ปลอดภัยแก่ตัวเอง พอหน้าแล้งแหล่งน้ำที่เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของกบแห้งลง กบก็ต้องปรับตัวขุดรูอยู่ใต้ดิน กูรูท่านหนึ่งบอกว่ากบจะเข้าไปอาศัยอยู่รูปูมากกว่าที่จะขุดรูเข้าไปอยู่เอง แต่กูรูบางท่านก็แย้งว่าทุกวันนี้ปูนาแทบไม่มีเหลือแล้ว เหตุเพราะโดนสารเคมีที่ใช้ในนาข้าวตายกันหมด กบถ้าไม่อยากแห้งตายก็ต้องขุดรูหลบภัยเอง โดยขุดบริเวณดินเลนแล้วมุดหมกตัวลงไปในดิน ที่มันจะต้องทำเช่นนี้ก็เพราะมันไม่อยากให้ตัวมันแห้งตายผู้คนเรียกมันขณะอยู่ในรูใต้ดินว่า “ กบจำศิล ” แต่กระนั้นก็ตามผู้คนก็ยังเที่ยวขุดรูกบลากเอาตัวออกมากิน เป็นผู้คนกินผู้รังสิมีบาปเป็นสองเด้ง
ครั้นย่างเข้าหน้าฝน เดือนหก ฝนตกพรำพรำ ยามคำคืน “รุ่งเพชร แหลมสิงห์” ตะโกนร้องเพลงฝนเดือนหกดังก้องอยู่ชายทุ่ง ก็ได้เวลาที่กบจะต้องออกศิล ขึ้นมาจากรู พอได้ฝนได้อาหารดี กินแมง เม่าแมงมันจนพุ่งปลิ้น ก็ส่งเสียงร้องเรียก สาวหวังดับเบิ้ลคสิกถ่ายสเปิร์มให้เป็นลูกอ๊อด
ด้วยเสียงร้องเกี้ยวสาวที่ดังลั่นทุ่ง จึงเป็นมหันตภัยของกบอีกคราว
No comments