ต้นทุน 8,000 บาทต่อกระชัง
บทความ > การเลี้ยงปลาในกระชัง > การเลี้ยงปลากดในกระชัง
เอาปลาตายมาเพิ่มมูลค่า
ก่อนเริ่มเพาะเลี้ยงปลาในกระชังอย่างจริงจัง คุณวัชรินทร์ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการศึกษาแหล่งน้ำ วิธีการเลี้ยงตลอดจนเทคนิคการเลี้ยงปลาในกระชังให้มีกำไร หลังจากสั่งสมประสบการณ์อยู่นานหลายปี จนประสบความสำเร็จ สามารถขยายฐานการผลิตเพิ่มจาก 4 กระชัง เป็น 40 กระชัง โดยแบ่งเป็นกระชังเลี้ยงปลากดคัง 10 กระชัง และปลาทับทิม 30 กระชัง
“จริงๆ แล้วปลากดคังเป็นปลาเศรษฐกิจที่น่าสนใจ เพราะให้ผลตอบแทนสูง เหมาะสำหรับเลี้ยงเพื่อเสริมสร้างรายได้ แต่ปลากดคังเป็นปลาที่เลี้ยงค่อนข้างนาน ถ้าผู้เลี้ยงมีทุนน้อย จะลำบาก ผู้ที่คิดจะเลี้ยงต้องมีกิจการอย่างอื่นเสริมไปด้วย ยกตัวอย่าง ผมเลี้ยงปลาทับทิมใช้ เวลา 4-5 เดือน จับขายมีเงินทุนหมุนเวียน ผมก็นำเงินที่ได้ไปซื้ออาหารมาเลี้ยงปลากดคัง” คุณ วัชรินทร์เล่าและกล่าวต่อว่า ถ้าคิดจะเลี้ยงอย่างจริงจังในปริมาณที่มาก คงต้องใช้ต้นทุนสูง เพราะปลากดคังเป็นปลากินเนื้อ ซึ่งผู้เลี้ยงจะต้องอยู่ใกล้แหล่งอาหาร ปลาที่ราคาถูกด้วย จึงจะเหมาะโดยส่วนตัวผม เลี้ยงปลากดคังไว้กำจัดซากปลาปลาทับทิมที่ตาย โดยนำปลาที่ตายแล้วมาแล่เนื้อหรือสับบดให้ปลากดคังกิน ซึ่งถือเป็นการเอาปลาตายมาเพิ่มมูลค่าครับ” คุณวัชรินทร์ให้เหตุผล
ต้นทุน 8,000 บาทต่อกระชัง
รูปแบบกระชังที่คุณวัชรินทร์ใช้เพาะเลี้ยงปลามีขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 6 เมตร ลึก 2 เมตร โดยใช้เหล็กทำโครงสร้าง ต่อกันเป็นแพ ใน 1 แพ (1 กระชัง) มีแกลลอนพลาสติกขนาด 200 ลิตร 6 ถัง เป็นทุ่นลอยน้ำ โครงสร้างเป็นแป็บเหล็ก 7ท่อน และเนื้ออวนเบอร์ 18 ซึ่งอวนที่ใช้เลี้ยงปลากดคังต้องซ้อนกัน 2 ชั้น โดยใช้อวนใหม่ใส่ด้านในแล้วใช้อวนเก่าซ้อนด้านนอก เพื่อป้องกันความเสียหายทั้งจากปลากดคังเองและศัตรูตามธรรมชาติ เบ็ดเสร็จแล้วต้นทุนค่ากระชังจะอยู่ราว 8,000 บาทต่อกระชัง ข้อดีของกระชังขนาด กว้าง 3 เมตร ยาว 6 เมตร ลึก 2 เมตร คือ ช่วยประหยัดเนื้ออวนได้มาก และง่ายต่อการทำความสะอาด โดยทั่วไป ตัวแพเป็นโครงเหล็กและใช้ทุ่นเป็นถังพลาสติก สามารถใช้งานได้นานเป็น 10 ปี แต่เนื้ออวนเมื่อถูกแดดมากๆ จะกรอบต้องคอยซ่อมแซมและเปลี่ยนเมื่อเห็นว่าชำรุด ปกติอวนจะใช้งานได้ประมาณ 2-3 ปี ส่วนใหญ่หลังจากจับปลาหมดกระชัง ผมจะล้างทำความสะอาดอวนทุกครั้ง โดยใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงฉีด พร้อมกับใช้แปรงขัดตะไคร่ที่เกาะอยู่ตามเนื้ออวนให้หลุดออก เพื่อยึดอายุการใช้งานครับ” คุณ วัชรินทร์ กล่าว
วางแผนผลิตปลาเพื่อส่งลูกค้าให้ได้ทุกเดือน
สำหรับลูกพันธุ์ปลากดคังที่จะนำมาเพาะเลี้ยง คุณวัชรินทร์ได้ให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าแหล่งน้ำที่ใช้เพาะเลี้ยง โดยคัด เลือกลูกพันธุ์ที่ลักษณะแข็งแรง สมบูรณ์ มีความต้านทานโรค และมีขนาดสม่ำเสมอ จากฟาร์มที่ได้มาตรฐาน และเชื่อถือได้
“ลูกพันธุ์ปลากดคังผมชื่อจากบ่อในจังหวัดอ่างทอง และจังหวัดนครสวรรค์ เป็นปลาไซซ์ขนาด 1 นิ้ว ราคาตัวละ 5 บาท อนุบาลในกระชังที่เป็นตาข่ายสีฟ้าขนาด กว้าง 3 เมตร ยาว 6 เมตร ลึก 2 เมตร ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน หลังจากนั้นจะย้ายลงกระชังที่มีตาอวน 3 เซนติเมตร โดยปล่อยเลี้ยงในอัตราส่วน 800 ตัวต่อกระชัง ใช้เวลาเลี้ยงต่อไปอีก 14-18 เดือน ก็จะเริ่มจับขายได้ ซึ่งปลาจะมีขนาดตั้งแต่ 1.8 กิโล จนถึง 2 กิโล กว่าอย่างไรก็ตาม ปลากดคังจะเพาะขยายพันธุ์ได้ ในช่วงเมษายน-สิงหาคม ผมจึงต้องวางแผนการผลิต เพื่อให้มีปลาหมุนเวียนจับส่งให้ลูก ค้าได้ตลอดทุก เดือนครับ” คุณวัชรินทร์ กล่าวถึงแผนการตลาด
No comments