ประสบการณ์ผู้เลี้ยงปลาบู่ 1
บทความ > การเลี้ยงปลาในกระชัง > การเลี้ยงปลาบู่ในกระชัง
การเลี้ยงปลาบู่ในกระชัง
ปลาบู่เนื้อปลาสุดฮอต เลี้ยงในกระชัง ตลาดยังโต เมืองนอกซื้อกิโลกรัมละสองพัน มือใหม่แนะนำให้ศึกษาให้ละเอียดก่อนลงมือเลี้ยง
จากอดีตจนถึงปัจจุบันปลาบู่ยังคงเป็นปลาเนื้อที่มีราคาแพง และเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเป็นสินค้าส่งออกไปยังประเทศจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าปลาบู่มีคุณค่าทางอาหารสูง ทำให้ร่างกายแข็งแรงและเพิ่มพลังได้ดี สมัยก่อนประเทศไทยมีการเลี้ยงปลาบู่ในกระชังกันมาก อาทิเช่น จังวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และสมุทรสงคราม ต่อมาการเลี้ยงปลาบู่มักประสบปัญหาปลาเป็นโรคและตายเป็นจำนวนมาก ทำให้จำนวนผู้เลี้ยงและผลผลิตลดลง จึงส่งผลให้ราคาปลาสูงขึ้นตามกลไกของตลาด
ในระหว่างเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนมีโอกาสเดินทางไปยังอำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงปลา คุณพูนศักดิ์ ตันติแดซามงคล บ้านเลขที่ 43 หมู่ 5 ตำบลบางยี่รงค์ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเจ้าของฟาร์มท่านนี้ได้คลุกคลีตีโมงอยู่กับวงการปลาบู่มา 10 กว่าปี โดยเฉพาะการเลี้ยงปลาบู่ในกระชังที่ริมฝังแม่กลอง จนกระทั่งประสบความสำเร็จ ในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา ฟาร์มแห่งนี้มีผู้คนเดินทางเข้ามาเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาดสาย ทั้งสื่อมวลชน เจ้าของร้านอาหาร พ่อค้าและเกษตรกรที่สนใจเรื่องการเพาะเลี้ยงปลาบู่ จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
เริ่มแรกขายได้กิโลกรัมละ 320 บาท
ก่อนจะหันมาเลี้ยงปลาบู่เป็นอาชีพเสริม คุณพูนศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า อาชีพหลักของตนคือ รับเหมาก่อสร้างและรับติดตั้งเครื่องจักรกลในโรงงาน ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วตนเคยเลี้ยงปลานิล ปลาทับทิม และปลาแรดในกระชังในลุ่มแม่น้ำแม้กลอง แต่ไม่ค่อยได้กำไรเท่าที่ควร เพราะต้นทุนค่าอาหารค่อนข้างสูง ต่อมาจึงหัน มาเลี้ยงปลาแรดในกระชัง โดยในระหว่างนั้นตนได้ทดลอง เลี้ยงปลาบู่ควบคู่ไปด้วย
“บ้านผมอยู่ติดลำน้ำแม่กลอง ช่วงที่ผมเลี้ยงปลาแรดอยู่นั้น เพื่อนๆของลูกชายเขาชอบมาตกกุ้งกันแถวนี้ ตอนนั้นได้ปลาบู่ตัวขนาด 1 ขีด เขาไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ผมก็ขอมาเลี้ยงไว้ในกระชังเล็กๆ เอาเศษเนื้อ ปลามาหันให้กิน ผมสะสมมาเรื่อยๆ ปูอยู่ในกระชังประมาณ 60-70 ตัว พอจับปลาแรดชุดนั้นขายไปจนหมด ผมก็มายกกระชังดู ปรากฏว่า ปลาบู่โตดีมาก จาก 1 ขีด เพิ่มเป็น 8 ขีด จนถึงโลกว่า ในระยะเวลา 10- 12 คุณพูนศักดิ์เล่าและกล่าวต่อว่า “เมื่อทดลองเพาะเลี้ยงปลาบู่ในกระชัง ได้แล้ว ผมก็เริ่มเสาะหาช่องทางการตลาด จนกระทั่งมีคนมารับชื่อในราคากิโลกรัมละ 320 บาท ผมดีใจมาก เพราะสมัยนั้นผมขายปลาทับทิมได้แค่ กิโลกรัมละ 50 บาท และขายปลาแรดได้กิโลกรัมละ 55 บาท ในเวลานั้นผมคิดว่า ปลาบู่น่าจะเป็นปลาเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนคุ้มกว่าที่สุดครับ”
No comments