เลี้ยง3เดือนก็จับขายได้
บทความ > การเลี้ยงปลาในกระชัง > การเลี้ยงกบในกระชัง
ส่งขายรอบละ 1-2 ตัน
สำหรับข้อดีของกระชังบกยังมีอีกหลายประการคือ ไม่เป็นพิษต่อลูกอ๊อด ลูกกบ และสามารถใส่น้ำเพื่อใช้ในการเพาะพันธุ์กบได้ดี โอกาสรอดสูงกว่าบ่อปูนที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมโรคได้ดี เพราะแต่ละกระชังแยกออกจากกันอย่างเป็นอิสระ หากเลิกกิจการก็สามารถพับเก็บได้และกลับมาใช้พื้นที่เดิมได้ทันที
“การเลี้ยงในกระชังบก สามารถใช้งานได้ดีในระดับหนึ่งช่วยสร้างรายได้ให้ผมอย่าง เป็นกอบเป็นกำ โดยกระชังขนาด 2X5 เมตร สามารถเลี้ยงกบได้ 2,500-3,000 ตัว ขนาด 2X4 เมตร เลี้ยงได้ 2,000-2,400 ตัว ขนาด 2X3 เมตร เลี้ยงได้ 1,000-1,500 และขนาด 2X2 เมตร เลี้ยงได้ 500-700 ตัว เมื่อครบอายุจะสามารถจับขาย 3-5 ตัวได้ 1 กิโลกรัม จำหน่ายได้ในราคากิโลกรัมละ 55-60 บาท (ราคาเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2555) โดยปกติ พ่อค้าแม่ค้ารายใหญ่จะสั่งซื้อกบประมาณ 1-2 ตัน/ครั้ง ซึ่งอย่างน้อยต้องมีไม่ต่ำกว่า 500 กิโลกรัม พ่อค้าแม่ค้าจึงจะมารับซื้อถึงหน้ากระชัง
ครับ” คุณสุวิจักษณ์กล่าวถึงการตลาด
ขายพ่อพันธุ์คู่ละ 600 บาท
ปัจจุบันสินค้าหลักอีกชนิดของฟาร์มแห่งนี้คือ ลูกกบวัยอ่อนอายุประมาณ 45 วันนับจากวันที่ฟักออกจากไข่ จำหน่ายในราคาตัว ละ 1 บาท (เฉลี่ยปีละ 4 รุ่น) นำไปเลี้ยงต่ออีก 3 เดือนก็สามารถจับขายเป็นกบเนื้อได้แล้ว ตอนนี้ลูกค้าของคุณสุวิจักษณ์มีอยู่ทั่วประเทศมีมายหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น หนองคาย นครราชสีมา กาญจนบุรี พิษณุโลก พิจิตร ฯลฯ นอกจากขายกบเนื้อและลูกพันธุ์แล้ว ทางฟาร์มยังแบ่งขายพ่อแม่พันธุ์ด้วยในราคาคู่ละ 600-700 บาท (ตอนนี้มีประมาณ 1,000 กว่าคู่) แบ่งขายในจำนวนจำกัด
“การขนส่งสินค้าผมจะทำในตอนบ่าย โดยนำลูกกบใส่กระสอบอาหารไป เจาะรูกระสอบเพื่อให้กบมันหายใจได้แล้วเอาผักบุ้งใส่เข้าไปด้วยกบจะไม่ตาย ลูกค้าสามารถนำไปเลี้ยงต่อได้โดยไม่เกิดความเสียหายเลย ยกตัวอย่าง กบตัวเล็กๆ 1 กระสอบ ถ้าใส่ในรถเก่งจะได้ 500– 4,000 ตัว วางนอนไปได้แต่ให้เอาน้ำรดไปด้วย กบจะได้ไม่ร้อน แต่ถ้านำกระสอบที่ใส่กบขึ้นรถ กระบะ จะได้ประมาณ 10,000 กว่าตัว การขนส่งแบบนี้กบตายน้อยมาก ข้อสำคัญอย่าให้น้ำแห้ง และอย่าให้กบร้อน ซึ่งจะทำให้กบไม่ตาย เทคนิคง่ายๆลดเปอร์เซ็นต์การสูญเสียได้ครับ” คุณสุวิจักษณ์กล่าวถึงเทคนิคการขนส่งกบ
No comments