การฟักไข่และแปลงเพศปลานิล
บทความ > ปลาที่เลี้ยงง่าย > ปลานิล
การฟักไข่ปลานิล
การนำไข่มาฟักเองจะได้ลูกปลาครั้งละจำนวนมากและมีขนาดสม่ำเสมอ สำหรับน้ำไปใช้ในกระบวนการแปลงเพศปลานิล และยังทำให้การเจริญพันธุ์ของแม่ปลาเร็วขึ้นและสามารถวางไข่ได้บ่อยขึ้น
ปัจจุบันการฟักไข่ปลานิลส่วนใหญ่นิยมใช้ระบบน้ำหมุนเวียน เพราะระบบฟักไข่ที่ประยุกต์ขึ้นมาใช้นี้เหมาะกับลักษณะไข่ของปลานิล ซึ่งค่อนข้างเม็ดใหญ่ หนัก และไม่อมน้ำ การฟักไข่แบบนี้จะประกอบด้วยกรวยฟักไข่ ซึ่งอาจใช้ขวดน้ำอัดลมขนาด 2 ลิตรหรือกรวยจราจร ก็ได้ และถ้าถาดรวบรวมลูกปลานิล
ลักษณะกรวยฟักไข่จะถูกเจาะด้านบน สำหรับกรวยฟักไข่ที่ดัดแปลงจากขวดน้ำอัดลมขนาด 2 ลิตร เมื่อเจาะรูใส่ท่อน้ำล้นที่ระดับ 2 เซนติเมตร ต่ำจากปากขวดจะให้ปริมาตรน้ำในกรวยฟักไข่ประมาณ 1.5 ลิตร สามารถฟักไข่ได้ประมาณ 1,000-2,000 ฟอง ไข่ปลานิลจะฟักเป็นตัวภายใน 3-4 วัน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของน้ำ หลังจากไข่ฟักเป็นตัวลูกปลาจะมีถุงไข่แดงติดมากับตัว แต่ยังคงต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด เมื่อลูกปลาเริ่มว่ายน้ำจะถูกกระแสน้ำพัดพาออกมาตามท่อน้ำล้นสู่ถาดอนุบาล ในทางปฏิบัติทั่วไปถาตอนุบาลจะถูกออกแบบให้มีระดับน้ำตื้นๆ และกระแสน้ำหมุนวนไม่ให้แรงเกินไป เนื่องจากอัตราการไหลของน้ำแรงจะส่งผลให้อัตรารอดของลูกปลาลดลง ด้านข้างของถาดเจาะเป็นรูสองแถวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.8-0.9 มิลลิเมตร เพื่อให้น้ำไหลผ่านและมีตะแกรงมุ้งเขียวกันเพื่อไม่ให้ลูกปลาไหลผ่านถาด ในถาดอนุบาลขนาดกว้าง 25-30 เซนติเมตร ยาว 40 เซนติเมตร ลึก 8 เซนติเมตร เมื่อเจาะรูให้น้ำผ่านตลอดจะมีปริมาตรน้ำเก็บกักประมาณ 2.5 ลิตร สามารถอนุบาลลูกปลาได้ประมาณ 1,000-2,000 ตัว
การแปลงเพศปลานิล
การแปลงเพศ หมายถึง การเปลี่ยนหน้าที่ของเพศจากเพศผู้หรือเพศเมียให้เป็นอีกเพศหนึ่งตามที่ต้องการสำหรับปลานิลนิยมเปลี่ยนให้เป็นปลาเพศผู้ เพราะการเลี้ยงปลานิลในปัจจุบันนิยมเลี้ยง แต่เฉพาะปลานิลเพศผู้เท่านั้น เนื่องจากปลานิลเพศผู้จะโตเร็วกว่าเพศ เมียประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
การแปลงเพศปลานิลให้เป็นเพศผู้ทั้งหมดนั้น ทำได้โดยการใช้ฮอร์โมนเพศผู้หรือแอนโดรเจน(androgen) ซึ่งสามารถเปลี่ยนเพศ ได้มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ สำหรับวิธีการแปลงเพศปลานิลโดยการใช้ฮอร์โมนผสมลงในอาหารให้ปลากิน ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้
1.นำไข่ปลานิลที่ออกจากปากแม่ปลามาเพาะฟักในกรวยฟักไข่จนฟักออกเป็นตัว ซึ่งระยะนี้ระบบสืบพันธุ์ของลูกปลายังไม่พัฒนาเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย จนกระทั่งเมื่อถุงไข่แดงยุบจนถึงอายุ 3-4 วัน ระบบสืบพันธุ์ของลูกปลาจะเริ่มพัฒนา นับเป็นระยะที่ควรเริ่มให้ลูกปลากินอาหารที่ผสมกับฮอร์โมน
2. การแปลงเพศปลานิลจากเพศเมียเป็นเพศผู้หรือทำให้เป็นหมัน ทำได้โดยใช้ฮอร์โมน 17 a methyltestosterone (17 MT) ในอัตรา 60 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม
สำหรับองค์ประกอบของอาหารสำหรับผลิตอาหารผสมฮอร์โมน เพื่อใช้เป็นอาหารปลานิลแปลงเพศ จะประกอบด้วยรำ 1 ส่วน ปลาป่น 3 ส่วน ฮอร์โมน17MT และเอทธิลแอลกอฮอล์
3. นำลูกปลาที่มีอายุประมาณ 4 วันลงอนุบาลในกระชัง ให้อาหารผสมฮอร์โมนวันละ 5 ครั้ง โดยในสัปดาห์แรกให้อาหารในปริมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักปลา สัปดาห์ที่สองให้อาหาร 20 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักตัวปลา และสัปดาห์ที่สามให้อาหาร 15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวปลา โดยใช้เวลาในการให้อาหารที่ผสมกับฮอร์โมนเพื่อแปลงเพศประมาณ 21วัน จากนั้นนำลูกปลาที่แปลงเพศเสร็จเรียบร้อยแล้วไปทำการอนุบาลต่อ
No comments