อาหารสมทบที่ได้จากพืช - กระชัง ปลา-กบ

เราคือ ผู้ผลิต และ จัดจำหน่าย ระชังเลี้ยงปลา-ก
เราคือ ผู้ผลิต และ จัดจำหน่าย กระชังปลา-กบ
เราคื ผู้ผลิต และ จัดจำหน่าย  กระชังเลี้ยงปลาสำเร็จรู
กระชังบกสำหรับเลี้ยงกบ บ่อปลาสำเร็จรูป กระบะเลี้ยงจิ้งหรีด

เราคือ ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย  กระชังเลี้ยงปลาสำเร็จรูปกระชังบกสำหรับเลี้ยงกบบ่อปลาสำเร็จรูปกระบะเลี้ยงจิ้งหรีด

Go to content

อาหารสมทบที่ได้จากพืช

บทความ > การเลี้ยงปลา > อาหารและการกินของปลา
กากพืช
อาหารสมทบ
การให้อาหารเป็นวิธีการหลักอย่างหนึ่งในการเพิ่มผลผลิต การเลี้ยงปลาหนาแน่นจำนวนมากจำเป็นจะต้องให้อาหารสมทบอย่างพอเพียง แต่การเลี้ยงปลาบางประเภทยังคงอาศัยอาหารธรรมชาติ เช่น การเลี้ยงปลาในครอบครัวปลาไน ซึ่ง อาศัยอาหารธรรมชาติครึ่งหนึ่ง และให้อาหารสมทบอีกครึ่งหนึ่ง เมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นว่าเป็นผลดีทางเศรษฐกิจ ปลาไนโดยใช้อาหารสำเร็จรูป ซึ่งมีส่วนประกอบของโภชนาหารที่จำเป็นครบตามที่ปลาต้องการ ย่อมกระทำได้ หากพิจารณาเห็นว่าเป็นวิธีที่คุ้มค้าทางเศรษฐกิจการให้อาหารสมทบทำให้เลี้ยงปลาได้หนาแน่น อาหารที่เหลือจากปลากิน และสิ่งที่ปลาขับถ่ายออกมาก็จะกลายเป็นปุ๋ย อาหารสมทบที่จัดให้ปลากินนอกเหนือจากอาหารธรรมชาติที่มีอยู่ในบ่อ ได้แก่

1. อาหารที่ได้จากพืช

1.1 ใบและต้นพืช ปลากินพืชเป็นอาหาร เช่น ปลาหมอเทศข้างลาย ปลาตะเพียน และปลาแรด ปลาเหล่านี้ กินพืชที่มีลักษณะอ่อนหรือส่วนอ่อนของพืช พืชเหล่านี้เป็นเศษพืชผักที่ได้จากสวนซึ่งมีราคาถูก อัตราส่วนการเปลี่ยนจากพืชผักเป็นเนื้อค่อนข้างต่ำ เช่นในกรณีปลาเฉาที่เลี้ยงด้วยหญ้ามีอัตราการเปลี่ยนหญ้าเป็นเนื้อ 48 : 1 การเลี้ยงปลาเฉานั้น มักจะปล่อยปลาอื่นรวมไปด้วย เช่น ปลาลิ่น ปลาซ่ง และปลาไน โดยอาศัยมูลของปลาเฉาเป็นปุ๋ย และเป็นอาหารปลาอื่น ผลผลิตปลาอื่นจะได้เกินครึ่งของปลาเฉาโดยมิได้มีการให้อาหาร ผลผลิตปลาเฉาในเนื้อที่ 1 ไร่ต่อปี อยู่ระหว่าง 300-480 กิโลกรัม ปลาเฉาขนาดเล็กชอบกินแหนเป็ดและไข่น้ำ

ปลาตะเพียนเป็นปลาที่กินพืช โดยเฉพาะพวกสาหร่ายและแหนเป็ด ถ้าเป็นพวกหญ้าต้องมีใบอ่อน การให้อาหารสมทบพวกใบพืช เช่น ใบมันสำปะหลังอ่อน มีคุณค่าทางอาหาร เพราะมีโปรตีน ไขมัน และมีกากน้อย นอกจากนั้น ใบมันสำปะหลังยังมีวิตามินเอ บี ซี และแลกโตเฟรวิน ปลาตีลาเบียกินใบมันสำปะหลังวันละร้อยละ 15 ของน้ำหนักตัว

การให้ใบพืชผสมกับอาหารอย่างอื่นจะให้ผลผลิตดีกว่าการเลี้ยงด้วยใบพืชเพียงอย่างเดียว เช่น การใช้ใบพืชผสมปลายข้าวหรือผสมกับข้าวโพด จะทำให้อัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อดีขึ้น

1.2 เมล็ดพืช เมล็ดพืชใช้เลี้ยงปลาได้ดี ควรใช้เมล็ดพืชที่มีราคาถูกที่คนไม่รับประทาน หรือเมล็ดพืชที่เสื่อมคุณภาพมาใช้เลี้ยงปลา เมล็ดพืชบางอย่างมีโปรตีนสูง เช่น เมล็ดถั่ว เมล็ดพืชบางอย่างมีสารพวกแอลคาลอยด์ ซึ่งไม่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์บก แต่ไม่เป็นพิษกับปลาไน แม้กากเมล็ดละหุ่ง ซึ่งมีสารเป็นพิษใช้เลี้ยงวัวไม่ได้ แต่ให้ปลาไนกินได้ ข้าวและผลพลอยได้จากข้าวใช้เป็นอาหารสมทบแก่ปลา  ปลาไนย่อยพวกเมล็ดธัญพืชได้ดี เมล็ดธัญพืชบางอย่างจะทำให้เนื้อปลามีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ก็แก้ไขได้ด้วยการปล่อย ปลาให้น้ำไหลผ่าน 2-3 วันกลิ่นต่างๆ ก็จะหมดไป

การให้เมล็ดธัญพืช ส่วนใหญ่ต้องบดหรือแช่น้ำเสียก่อน ข้าวเปลือกแช่น้ำเป็นอาหารอย่างดีของปลาไน และปลาไน สามารถย่อยได้ถึงร้อยละ 85-88 ปลาตีลาเบียสามารถเปลี่ยนข้าวเป็นเนื้อในอัตรา 4.5-9:1 รำข้าวเป็นอาหารที่ใช้เลี้ยงปลา เกือบทุกประเทศทางตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิง รำข้าวเหมาะสำหรับปลาเล็ก รำละเอียดจะลอยบนผิวน้ำ และกระจายทั้วบ่อ ทำให้ปลาสามารถเก็บกินได้ และมีอัตราการเปลี่ยนเป็นเนื้อ 4-6 : 1

1.3 หัวหรือรากพืช มันเทศและมันสำปะหลังใช้  เลี้ยงปลาได้ดี มันเทศมีโปรตีนร้อยละ 2 มันสำปะหลังมีโปรตีนน้อยกว่ามันเทศร้อยละ 1 มันเทศมรน้ำหนักมากเมื่อเทียบกับข้าวโพดเท่ากับ 3:1 มันเทศหัวเล็กมีราคาถูกเหมาะที่จะใช้เลี้ยงปลาควบกับเมล็ดธัญพืช แป้งมันสำปะหลังใช้เลี้ยงปลาในบางท้องที่  แต่อัตราการเปลี่ยนเป็นเนื้อค่อนข้างต่ำ คือ 49:1 ฉะนั้นหาก ใช้เลี้ยงปลาต้องใช้ในปริมาณมาก ซึ่งจะทำให้น้ำเสีย ขาดออกซิเจนและจะทำให้น้ำเป็นกรด การใช้มันสำปะหลังจึงควรผสมกับอาหารที่มีโปรตีนสูงอื่นๆ

1.4กากเมล็ดพืช กากมะพร้าว กากถั่วลิส่ง กากเมล็ดปาล์ม ที่สกัดเอาน้ำมันออก มีโปรตีนสูง เช่น กากเมล็ดถั่วลิสงมีโปรตีนเกือบร้อยละ 40 กากเมล็ดฝ้ายมีโปรตีน ร้อยละ 27 มีไขมัน มีกากเซลลูโลสและแป้งสูงด้วย อัตราการเปลี่ยนเป็นเนื้อของกากพืชดังกล่าวอยู่ระหว่าง 2.5-5:1
ใบมันสำปะหลัง
หัวมันสำปะหลัง
ชนิดของสัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางอาหารสำหรับปลา ซึ่งเกิดในบ่อปลาตามธรรมชาติประกอบด้วยกลุ่มของสัตว์ต่างๆ คือ

1. โรที่เฟอร์ มีขนาดเล็กมาก มีความยาว 1 / 50-2 มิลลิเมตร มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ แต่จะเกิดใหม่ พบปะปนอยู่กับแพลงก์ตอนและพบตามหน้าดิน โดยเฉพาะในที่ซึ่งมีพืชมาก ลูกปลาและปลาเล็กกินโรที่เฟอร์เป็นอาหาร

2. ตัวหนอน มีตัวหนอนอยู่ 2-3 ชนิด ที่เป็นอาหาร สำคัญของปลาที่พบมากได้แก่ ไส้เดือน ไส้เดือนมีขนาดตั้งแต่เล็ก มีความยาว 8-15 มิลลิเมตร ไปจนถึง 30 เซนติเมตร ใน โคลนก้นบ่อที่มีอินทรียสารสูง จะเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มทูบิเฟกซ์ (tubifex) ซึ่งเป็นตัวหนอนสีแดง มีความยาว 25-85 มิลลิเมตร หนอนนี้จะขับเมื่อกผสมกับดินโคลนทำเปลือกห่อหุ้มตัว ทำให้มีน้ำหนักจมลงสู่ก้นบ่อและยืนส่วนหน้าของลำตัวออกมาแกว่งไกวเหนือพื้น

3. หอย ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ระหว่างพืชน้ำหรือตามก้นบ่อ กินพวกพืชและเศษเน่าเปื่อยเป็นอาหาร ในบ่อเลี้ยงปลา มักจะพบหอยฝาเดียว เช่น หอยขม และหอย 2 ฝา เช่น หอย กาบ ปลาที่กินหอยเป็นอาหาร ได้แก่ ปลาตะโกก ปลาเฉาดำ

4. พวกกุ้ง ปู (crustaceans) เป็นพวกที่มีความสำคัญที่สุดในแง่ที่เป็นอาหารปลา พวกกุ้งและปูชั้นต่ำ เป็นอาหารหลัก ของลูกปลา ปลาวัยอ่อน และเป็นอาหารหลักของปลาที่กิน แพลงก์ตอนเป็นอาหาร พวกกุ้งและปูชั้นสูงเป็นอาหารของปลาใหญ่

พวกกุ้งและปูชั้นต่ำ อาศัยอยู่ตามพื้นก้นบ่อ อยู่ระหว่างพืชน้ำ พวกที่พบมากและมีความสำคัญในแง่เป็นอาหารปลา ได้แก่ กุ้ง ซึ่งมีขนาดเล็ก มีความยาว 1/4 ถึง 3 มิลลิเมตร ซึ่งเราเรียกรวมๆ  ไรน้ำ พวกนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใส่ปุ๋ยอินทรีย์

พวกออสตราคอด มีเปลือกใส 2 ฝา ห่อหุ้มตัวคล้าย หอยกาบ มีขนาดความยาว 0.5-2.5 มิลลิเมตร อาศัยอยู่ตาม พื้นก้นบ่อ สกุลที่พบได้แก่ ไซพริส (Cypris)

พวกโคพีพอด มีขนาดความยาวไม่เกิน 5 มิลลิเมตร อาศัยอยู่ตามชายตลิ่ง หรือผิวน้ำ ที่พบเสมอ ได้แก่ สกุลไซคลอปส์ (Cyclops)

ในพวกมาลาคอสตราคา (malacostraca) ซึ่งเป็นพวกกุ้ง และปูชั้นสูง ที่พบในบ่อสม่ำเสมอ ได้แก่ กุ้งฝอยหรือกุ้งน้ำจืดขนาดเล็ก

5. แมลง เป็นส่วนสำคัญของอาหารปลาที่เลี้ยงในบ่อ ปลาจะกินตัวอ่อนของแมลงเป็นอาหาร ในบรรดาแมลงด้วยกัน ตัวอ่อนของพวก เมย์ไฟลส์ (may fries) และพวกหนอนแดง มีความสำคัญในแง่เป็นอาหารมากที่สุด หนอนแดงมีรูปร่างป้อม ทรงกระบอก มีขนาดความยาว 2-20 มิลลิเมตร อาศัยอยู่ในเกราะหุ้มตัวอยู่ตามพื้นก้นบ่อ

ปลาที่เลี้ยงในบ่อ เช่น ปลาไน ปลาตีลาเบีย อาหารธรรมชาติในบ่อมีส่วนสำคัญในการเจริญเติบโต ปลาไนที่เลี้ยง ในบ่อกินอาหารธรรมชาติประมาณร้อยละ 50 และกินอาหารสมทบประมาณร้อยละ 50 และปลาตีลาเบียกินอาหารธรรมชาติในบ่อประมาณร้อยละ 10 ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าในบ่อที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตของปลาจะลดต่ำลง แต่ถ้าหากใส่ปุ๋ย จะทำให้ผลผลิตสูงขึ้น อาหารธรรมชาติในบ่อเป็นอาหารที่เสริมสร้างการเจริญเติบโตให้กับปลา จากการทดลองพบว่าการเติมไรน้ำ และตัวอ่อนของแมลงลงไปในอาหารสมทบเพียงเล็กน้อย ทำให้ปลาเจริญเติบโตเห็นได้ชัด ซึ่งแสดงว่าในสัตว์ดังกล่าว มีสารที่ช่วยในการเจริญเติบโต

อาหารธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นในบ่อมีโปรตีนสูง สาหร่ายที่เกิดในบ่อน้ำกร่อยที่เลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเล มีโปรตีนร้อยละ 1-1.6 พวกตัวอ่อนของแมลง พวกไรน้ำ ล้วนแต่มีโปรตีนสูง ทั้งสิ้น กล่าวคือ มีโปรตีนร้อยละ 6.8-11.8




No comments
Back to content