การเพาะพันธุ์ปลา - กระชัง ปลา-กบ

เราคือ ผู้ผลิต และ จัดจำหน่าย ระชังเลี้ยงปลา-ก
เราคือ ผู้ผลิต และ จัดจำหน่าย กระชังปลา-กบ
เราคื ผู้ผลิต และ จัดจำหน่าย  กระชังเลี้ยงปลาสำเร็จรู
กระชังบกสำหรับเลี้ยงกบ บ่อปลาสำเร็จรูป กระบะเลี้ยงจิ้งหรีด

เราคือ ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย  กระชังเลี้ยงปลาสำเร็จรูปกระชังบกสำหรับเลี้ยงกบบ่อปลาสำเร็จรูปกระบะเลี้ยงจิ้งหรีด

Go to content

การเพาะพันธุ์ปลา

บทความ > การเลี้ยงปลาน้ำจืด > ปลาสลิด
การเพาะพันธุ์ปลา
1. การคัดเลือกพันธุ์ ปลาสลิดที่ใช้เป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ควรเลือกตัวที่มีขนาดใหญ่ แข็งแรงสมบูรณ์ไม่มีแผล ครีบและหางไม่แตก ขนาดของปลาที่สืบพันธุ์ได้ ลำตัวต้องยาวกว่า 10 เซนติเมตร แต่ไม่ควรมีขนาดยาวเกิน 20 เซนติเมตร เพราะความปราดเปรียวของปลาที่มีขนาดโตจะน้อยลง อัตราส่วนปลาตัวผู้และตัวเมียที่จะปล่อยลงในบ่อ ควรใช้ตัวเมีย 1 ตัวต่อตัวผู้ 1 ตัว
2. ฤดูปลาวางไข่ ปลาสลิดจะเริ่มวางไข่ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนสิงหาคม หรือในฤดูฝน แม่ปลาตัวหนึ่งจะวางไข่ได้หลายครั้งประมาณครั้งละ 4,000-10,000 ฟอง ดังนั้นการจัดบ่อปลาเพาะเลี้ยงปลา

สลิดจึงควรให้เสร็จภายในเดือนมีนาคม

จากการเพาะเลี้ยงพบว่าหากจัดบ่อด้วยวิธีการดังกล่าว จะทำให้ลูกปลาสลิดมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าปกติ โดยมีวิธีดังนี้

2.1 ระบายน้ำเข้าบ่อผ่านตะแกรงที่มีช่องตาขนาด 1 มิลลิเมตร จนชานบ่อโดยรอบให้มีระดับสูง 20-30 เซนติเมตร ปลาจะเข้าก่อหวอดวางไข่มากขึ้น ทั้งอาณาเขตบ่อก็จะกว้างมากกว่าเดิม เป็นการเพิ่มที่วางไข่และที่เลี้ยงตัวของลูกปลามากขึ้น

2.2 สาดปุ๋ยคอกที่ตากจนแห้ง บนบริเวณชานบ่อที่ไข่น้ำให้ท่วมขึ้นมาใหม่นั้น ตามอัตราที่กล่าวไว้ข้างต้นในเรื่องการใส่ปุ๋ย จะทำให้เกิดไรน้ำและช่วยทำให้ผักหญ้าบนชานบ่อเจริญงอกงาม

2.3 ปล่อยให้ผักหญ้าพันธุ์ไม้น้ำขึ้นรกในบริเวณชานบ่อหรือจะปลูกเพิ่มเติมได้ก็เป็นการดี เพราะพันธุ์ไม้จำพวกผักบุ้ง แพงพวย และผักกระเฉด ปลาสลิดจะชอบใช้เป็นทำเลที่ก่อหวอดวางไข่ กิ่ง ใบ และก้าน ของพันธุ์ไม้นี้เหล่านี้จะเป็นสิ่งสำคัญในการยึดเหนี่ยวหวอดมิให้ลมพัด กระจัดกระจายและเมื่อไข่ปลาฟักออกเป็นตัวแล้วก็จะเป็นที่ให้ลูกปลาได้อาศัยเลี้ยงตัวกำบังร่มเงาและหลบหลีกศัตรูได้เป็นอย่างดีจนกว่า จะแข็งแรงหลบหลีกลงน้ำลึก

3. การวางไข่ ก่อนจะเริ่มวางไข่ ปลาสลิดตัวผู้จะเป็นฝ่ายตระเตรียมการขั้นแรกตัวผู้จะเลือกสถานที่โดยการก่อหวอดไว้ในระหว่างต้นวัชพืชที่โปร่งๆ ไม่หนาทึบเกินไป เพราะปลาสลิดตัวเมียชอบวางไข่ในที่ร่มมากกว่ากลางแจ้ง

เมื่อเตรียมหวอดเสร็จแล้ว ปลาก็จะเริ่มผสมพันธุ์ เวลาที่ปลาสลิดผสมพันธุ์ มักจะเป็นเวลากลางวัน ยามที่มีแสงแดดอ่อนๆ โดยปลาตัวผู้จะเริ่มไล่ต้อนปลาตัวเมียเข้าใต้บริเวณหวอด แล้วทำการรัดท้องตัวเมียให้ไข่ออกมาพร้อมกับฉีดน้ำเชื้อออกมาผสมกับไข่ของตัวเมีย จากนั้นตัวผู้ก็จะอมไข่นำไปพ่นในหวอด ไข่จะลอยติดอยู่ในหวอด การผสมพันธุ์แต่ละครั้ง แม่ปลาจะวางไข่จนกว่าจะหมดรุ่นของไข่แก่ในแต่ละคราว ลักษณะของไข่เป็นเม็ดกลมๆ สีเหลือง

หลังจากปลาผสมพันธุ์วางไข่แล้ว พ่อปลาจะทำหน้าที่ดูแลรักษาไข่และตัวอ่อน และในขณะฟักไข่ปลาตัวผู้จะไล่กัดปลาตัวเมียไม่ให้เข้าใกล้

นอกจากวิธีดังกล่าว ยังมีวิธีเพาะลูกปลาอีกวิธีหนึ่งคือช้อนหวอดไข่ จากบ่อเพาะเลี้ยงนำมาเพาะฟักในถังไม้สัก รอจนลูกปลาสลิดมีขนาดโต วิธีนี้จะช่วยให้ลูกปลาสลิดมีชีวิตรอดอยู่ได้จำนวนมากกว่าที่ปล่อยให้เจริญเติบโตในบ่อเพาะเลี้ยงเพราะในบ่อย่อมมีศัตรูของปลาที่จะคอยทำลายไข่และลูกปลา แต่การทำโดยวิธีการช้อนรังไข่จากบ่อมาเพาะฟักในถังไม้ ยังไม่ดีเท่ากับการปล่อยพ่อปลาแม่ปลาลงผสมกันในถังดังกล่าว เพราะการช้อนหวอดไข่มาเพาะพักอาจมีแมลงในน้ำและไข่ปลาบางชนิดติดปะปนมากับหวอด ซึ่งอาจเป็นศัตรูต่อลูกปลา ทำให้ลูกปลารอดชีวิตน้อยลงกว่าวิธีแรก
ปลาสลิดนอกจากเพาะให้ขยายพันธุ์ในบ่อดังกล่าวแล้ว ยังใช้วิธีเพาะในภาชนะได้อีก

จากการทดลองโดยการใช้ถังไม้สักปากกว้าง 1.50 เมตร ยาว 3 เมตร ลึก 60 เซนติเมตร ใช้น้ำคลองที่สะอาดใส่ให้มีน้ำลึกที่พอเพียงประมาณ 40 เซนติเมตร ไว้กลางแจ้งทำเป็นเพิงคลุมถังขนาด 2 ใน 4 ของถังเพื่อกำบังแดด ใส่ผักบุ้งลงในถังประมาณ 3 ใน 4 ของเนื้อที่ภายในถัง ปล่อยแม่ปลาที่กำลังมีไข่แก่ลงไป 10 ตัว ตัวผู้ 10 ตัว หลังจากปล่อยลงถัง 4-6 วัน ปลาสลิดจะเริ่มก่อหวอดวางไข่ ไข่ปลาจะฟักเป็นตัว และเติบโตเช่นเดียวกับการเพาะฟักในบ่อดิน จากนั้นจึงช้อนพ่อปลาแม่ปลาออกเลี้ยงลูกปลาในถังนี้ โดยให้ไข่ผงหรือไรน้ำเป็นอาหาร 2 อาทิตย์ และควรให้รำผงละเอียดโปรยให้กินต่อไปจนกว่าลูกปลาจะโตมีขนาด 2 เซนติเมตร จึงค่อยย้ายลูกปลานำไปปล่อยลงบ่อเลี้ยงขนาดใหญ่ที่เราเตรียมไว้


No comments
Back to content